พฤติกรรมหัวหน้าแบบนี้เข้าข่าย Armchair Boss เป็นสิ่งที่องค์กรหวาดกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองเหลือเกินเพราะนำไปสู่ปรากฎการณ์ “ลาออกแบบยกทีม” จนบริษัทสั่นคลอนได้เลยทีเดียว!
คาแรคเตอร์ของ Armchair Boss
“เก่งแต่พูด…แต่ไม่ถนัดทำ” น่าจะเป็นคำจำกัดความที่สั้นกระชับแต่บ่งบอกนิยามของ Armchair Boss มากที่สุดแล้วก็ว่าได้
Armchair Boss เป็นคนที่เก่งในการวิพากษ์วิจารณ์รอบด้าน…แต่ไม่ได้มีรู้ลึกในเรื่องนั้น ชอบตัดสินคนอื่นโดยยึดความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ชอบ Micromage สั่งการควบคุมทุกอย่างแต่ตัวเองไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเนื้องานเลยด้วยซ้ำ บางคนถึงขั้นบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบเมื่อเกิดข้อผิดพลาด จนกลายเป็น trigger ที่ทำให้ลูกน้องยื่นใบลาออกในวันต่อมา
เรียกว่า ทักษะด้าน Criticize แซงหน้าหัวด้าน Create ไปมากโข!
เปรียบเสมือนบอสที่นั่งพิงหลังสบายในโซฟาและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องตรงหน้าอย่างออกรส โดยไม่ได้รู้บริบทหรือเข้าใจความรู้สึกของลูกน้องที่เป็นคนหน้างานเผชิญปัญหาจริงๆ
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลีลาสไตล์ แต่รวมถึงความลึกของเนื้อหาที่พูดด้วย Armchair Boss สามารถโค้ชชิ่งร่ายยาวได้ทั้งวัน แต่สิ่งที่พูดมักมีความนามธรรม มีความ conceptual ที่จับต้องยาก เมื่อถึงเวลาต้องนำไป apply ประยุกต์ใช้จริง ลูกน้องก็ไม่รู้ควรเริ่มทำอะไรก่อนหลังดี หรือถึงขั้นนำไปทำแบบผิดๆ ถูกๆ จนเกิดความผิดพลาดเสียหาย เกิดเป็นประวัติเสีย สูญเสีย self-esteem นำไปสู่อัตราการลาออกที่เพิ่มขึ้น
ป้องกัน Armchair Boss ก่อนพนักงานยกขบวนลาออก
กลุ่มผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ต้องคอยจับตาดู Armchair Boss เหล่านี้ให้ดี เพราะแม้พวกเขาจะมี performane ที่ดีในบางเรื่องจนได้ขึ้นเป็นหัวหน้างาน แต่ด้วยอุปนิสัยและการสื่อสารที่ไม่เป็นมิตร-ไม่เฮลตี้กับสมาชิกทีมโดยรวม ก็ทำให้ผู้คนต่างพากันลาออกได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่มักจะไม่ทนกับนิสัยอะไรแบบนี้
เพราะหางจะเปลี่ยนได้-หัวต้องเปลี่ยนก่อน!
ผู้บริหารระดับสูงสามารถออกนโยบายการทำงานที่จัดโควต้าให้หัวหน้างานต้อง “ไปเห็นปัญหาที่หน้างาน” เช่น ไปเยือนโรงงานผลิตเพื่อหาปัญหาสินค้า defect มีชำรุดที่พบบ่อยในช่วงหลังจนชื่อเสียงแบรนด์ได้รับความเสียหาย
อิทธิพลของวัฒนธรรมองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กัน ก่อนจะไปนึกถึงปลายทางการลาออก ผู้บริหารป้องกันได้เนิ่นๆ ด้วยการดีไซน์ให้เป็นองค์กรที่ “ขับเคลื่อนด้วย Data” (Data-driven company) จะตัดสินใจอะไรต้องทำบนพื้นฐานของข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีปริมาณมากพอ
เมื่อทุกส่วนทุก unit ของบริษัทถูกไดรฟ์ด้วย data ต่อไปนี้เวลา Armchair Boss จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ต้องทำบนื้นฐานของ data ด้วยเช่นกัน เป็นการลดโอกาสตำหนิลูกน้องอย่างไม่เป็นธรรม ปิดประตูการวิจารณ์ผิดๆ
Armchair Boss เป็นเรื่องที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะไม่ได้แค่สร้างบรรยากาศ toxic ในออฟฟิศ หรือลด productivity ของคนทำงาน แต่เพราะมันบานปลายไปสู่การยกทีมลาออกของพนักงานเก่งๆ ได้เลยทีเดียว
อ้างอิง