Way of Working 2025: องค์กรต้องเปลี่ยนอย่างไรให้คนอยากอยู่

Way of Working 2025

ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของคนทำงานก็เปลี่ยนตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ปี 2025 ที่แรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี ความยืดหยุ่น และความหมายของ “การทำงานที่ดี” กลายเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจอยู่หรือไปของพนักงาน องค์กรที่ยังคงยึดติดกับรูปแบบการทำงานเดิมอาจไม่สามารถรักษาคนเก่งไว้ได้ ในขณะที่องค์กรที่กล้าออกแบบ “Way of Working” ใหม่ให้สอดคล้องกับชีวิตคนทำงานยุคนี้จะกลายเป็นองค์กรที่คนอยากอยู่และเติบโตไปด้วยกัน

ทำความรู้จักเทรนด์การทำงานในปี 2025

ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกการทำงานที่ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนเพียงแค่เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมของคนทำงานรุ่นใหม่ ความคาดหวังต่อคุณภาพชีวิต และบทบาทขององค์กรในสังคม เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นและจะมีอิทธิพลต่อ Way of Working” ในปี 2025 มีดังนี้:

  • Hybrid Work เป็นมาตรฐานไม่ใช่ทางเลือก

ผลสำรวจจากรายงาน Career Trends  and Required Skills  in Thailand 2025 By CareerVisa x Jobthai พบว่ารูปแบบการทำงานที่มีความต้องการมากสุดถึง 43.9% ของคนทำงานคาดหวังความยืดหยุ่นทั้งด้านสถานที่และเวลา ไม่ต้องการเสียเวลาเดินทาง และต้องการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน โดยองค์กรที่ยังยึดติดกับการเข้าออฟฟิศแบบเดิมกำลังถูกมองว่าล้าหลัง ขณะเดียวกันการจัดระบบงานและการวัดผลต้องปรับให้สอดคล้องกับการทำงานรูปแบบ Hybrid

  • Work-Life Integration มากกว่า Balance

คนทำงานรุ่นใหม่ไม่เพียงแค่ต้องการ “ความสมดุล” แต่ต้องการ “ความกลมกลืน” ระหว่างชีวิตส่วนตัวและงาน เช่น การทำงานจากที่บ้านที่ไม่กระทบต่อบทบาทในครอบครัว หรือการมีเวลาพัฒนาตัวเองนอกเวลางาน

  • เงินเดือนที่สูง

เงินเดือนที่สูงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดคนทำงานทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง การมีรายได้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่เพียงแค่แรงจูงใจแต่คือพื้นฐานของความมั่นคงในการใช้ชีวิต

  • องค์กรที่มี Purpose ชัดเจนดึงดูดใจ

Purpose คือ เหตุผลในการดำรงอยู่ขององค์กรที่อยู่เหนือผลกำไร เช่น การพัฒนาสังคม การรักษาสิ่งแวดล้อม องค์กรที่สื่อสารจุดยืนและคุณค่าของตนได้อย่างจริงใจจะสร้างความผูกพัน และแรงจูงใจจากภายในให้กับพนักงาน โดยเฉพาะในยุคที่คนทำงานเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ องค์กรที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนจึงได้เปรียบอย่างมากในการดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้ได้

  • สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี

ในปี 2025 “สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี” ไม่ได้หมายถึงแค่โต๊ะทำงานที่สวยงามหรือออฟฟิศที่ทันสมัยเท่านั้น แต่หมายถึง “ประสบการณ์การทำงานแบบองค์รวม” ที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า มีแรงจูงใจ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. บริบทของการทำงานในปี 2025: แนวโน้มและความเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงในโลกการทำงานในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงผลจากการระบาดของโรค Covid-19 ที่เร่งให้รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid และ Remote กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นผลจากกระแสโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลงของคนทำงานในด้านพฤติกรรมและค่านิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้นเรื่อย ๆ

1.1 การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทำงาน

แนวโน้มการทำงานแบบ Hybrid และ Remote กลายเป็นสิ่งที่คนทำงานคาดหวัง โดยเฉพาะในกลุ่มสายงานที่สามารถใช้เทคโนโลยีในการทำงานได้ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การตลาดดิจิทัล และสายงาน creative รูปแบบการทำงานเหล่านี้มีความยืดหยุ่นทั้งในด้านเวลาและสถานที่ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คนทำงานในสายงานเหล่านี้ใช้ในการพิจารณาเลือกองค์กรที่สามารถตอบโจทย์ในรูปแบบการทำงานที่ต้องการได้

1.2 การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีและ AI

เทคโนโลยีโดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างงานและทักษะที่จำเป็น คนทำงานจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรต้องออกแบบระบบให้พนักงานสามารถพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว

1.3 ค่านิยมของคนทำงานยุคใหม่

คนทำงานรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ให้ความสำคัญกับความหมายของ Purpose ความยืดหยุ่น ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน และการให้อิสระทางความคิดมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้า การมีรายได้ที่ดีอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้คนอยากอยู่กับองค์กร ทำให้องค์กรที่ต้องการรักษาหรือจ้างงานคนทำงานรุ่นใหม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์การทำงานในปี 2025

จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะเห็นได้ว่าบริบทของการทำงานในปี 2025 ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรที่ต้องการดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้จึงไม่สามารถยึดติดกับวิธีการบริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพื่อความอยู่รอดขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคที่ความคาดหวังของคนทำงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

2. การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเพื่อรองรับ Way of Working 2025

การปรับตัวให้ทันต่อบริบทของการทำงานในปี 2025 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงแค่การเปลี่ยนนโยบายเพียงเล็กน้อย หรือการใช้เทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยเพียงอย่างเดียว แต่องค์กรจำเป็นต้องเปลี่ยนภายในอย่างเป็นระบบ ทั้งในเชิงของโครงสร้าง วัฒนธรรม การบริหาร และทักษะของผู้นำ เพื่อรองรับวิธีการทำงานที่คนรุ่นใหม่ต้องการและโลกในการทำงานปี 2025 จำเป็นต้องมี

2.1 การออกแบบนโยบายและโครงสร้างการทำงานใหม่

องค์กรควรปรับโครงสร้างการทำงานให้เน้นความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และความรับผิดชอบในระดับทีมมากขึ้น เช่น

  • ปรับการทำงานแบบ On-site เป็น Hybrid/Remote Working
  • ปรับรูปแบบการวัดผลจาก “เวลาเข้าออกงาน” เป็น “ผลงานและผลลัพธ์”
  • ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความแบนราบ (Flatter Structure) ส่งเสริมการตัดสินใจที่รวดเร็ว

2.2 การมีผู้นำที่เข้าใจโลกใหม่

ผู้นำยุค 2025 ต้องมีความเข้าใจทั้งเรื่องธุรกิจและความรู้สึกของคนในทีม โดยองค์กรควรส่งเสริมการพัฒนา Soft Skills ให้กับผู้บริหาร เช่น  การมีทัศนคติในเชิงบวก (Positive Attitude) การเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (Empathy) เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเพื่อรองรับ Way of Working 2025 ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็น หากต้องการให้คนทำงานรุ่นใหม่รู้สึกผูกพันและเต็มใจจะเติบโตไปพร้อมกับองค์กรในโลกของการทำงานปี 2025 ที่มีความไม่แน่นอน

บทสรุป

Way of Working 2025 ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน แต่คือการเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับ “การอยู่ร่วมกันระหว่างองค์กรกับคนทำงาน” เมื่อคนทำงานในยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความหมายของงาน ความยืดหยุ่น และสภาพแวดล้อมการทำงานมากขึ้น องค์กรที่ยังยึดติดกับแนวทางแบบเดิมจะเสี่ยงต่อการสูญเสียคนเก่ง และสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว การปรับตัวเข้าสู่ Way of Working 2025 จึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นความจำเป็น องค์กรต้องเริ่มจากการออกแบบวัฒนธรรมองค์กรที่ตอบโจทย์การทำงานในยุคใหม่ สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง สนับสนุนการเติบโต และส่งเสริมความสมดุลของชีวิตและการทำงาน ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีให้รับกับพฤติกรรมของคนทำงานที่เปลี่ยนไป และพัฒนาผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เข้าใจความหลากหลาย และสามารถบริหารคนในโลกที่ไม่แน่นอนได้ ซึ่ง Way of Working 2025 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่องค์กรจะต้องเลือกว่า จะเป็นผู้รอให้การเปลี่ยนแปลงมาถึงหรือจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วยตนเอง องค์กรที่มองเห็นและลงมือก่อนย่อมมีโอกาสที่จะเติบโตในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง

อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

TKI Framework
รู้ก่อน จัดการได้! สำรวจ 5 วิธีตอบสนองต่อความขัดแย้งในทีมด้วย TKI Framework
เพราะคนแต่ละคนมี “สไตล์” ในการจัดการความขัดแย้งต่างกัน การเข้าใจสไตล์เหล่านี้ช่วยให้เรา คุยกันรู้เรื่อง ไม่ขัดกันลึก และ สร้างทีมเวิร์คที่แข็งแรงขึ้น TKI...
The First 20 Hours
"เคล็ดลับเก่งเร็วใน 20 ชั่วโมงแรกของการเรียน" สรุปแนวคิดจาก Josh Kaufman ผู้เขียน The First 20 Hours
สรุปแนวคิดจาก Josh Kaufman ผู้เขียน The First 20 Hours เกี่ยวกับวิธีเรียนรู้ทักษะใหม่ให้ได้ผลในเวลาเพียง 20 ชั่วโมงแรก โดยเน้นกลยุทธ์ที่เป็นระบบและปฏิบัติได้จริง...
Way of Working 2025
Way of Working 2025: องค์กรต้องเปลี่ยนอย่างไรให้คนอยากอยู่
ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของคนทำงานก็เปลี่ยนตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ปี 2025 ที่แรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี...