บริหารทีมแบบมือโปรตาม Social Style เทคนิคที่ผู้นำจำเป็นต้องรู้

คุณ “บริหารทีม” แบบไหน? ในยุคที่การทำงานร่วมกันเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ การเข้าใจบุคลิกภาพและสไตล์การทำงานของทีมจึงเป็นทักษะที่ผู้นำทุกคนต้องมี ทฤษฎี Merrill-Reid Social Styles ซึ่งพัฒนาขึ้นในปี 1960 โดยนักจิตวิทยา David Merrill และ Roger Reid ได้แบ่งบุคลิกภาพของคนออกเป็น 4 สไตล์หลัก ได้แก่ Analytical, Amiable, Driver, และ Expressive แต่ละสไตล์มีลักษณะเฉพาะในด้านพฤติกรรม ความต้องการ และวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน การปรับการบริหารให้สอดคล้องกับสไตล์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความขัดแย้ง แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีมได้อย่างยั่งยืน

1. Analytical Style: นักวิเคราะห์ที่รอบคอบ

คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง ความถูกต้อง และตรรกะในการตัดสินใจ พวกเขามักมีความรอบคอบ ชอบวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด และไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาให้เห็นชัดเจน การทำงานกับคน Analytical ควรมอบหมายงานที่มีโครงสร้างชัดเจน และสนับสนุนด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Amiable Style: ผู้สร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่น

คนกลุ่มนี้มีความเป็นมิตรสูง ใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น และให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มากกว่าผลลัพธ์ที่เป็นตัวเลข พวกเขามักหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและต้องการการสนับสนุนทางอารมณ์ การบริหารคน Amiable ควรมุ่งสร้างความไว้วางใจและให้การสนับสนุนผ่านคำชมและการพูดคุยแบบใกล้ชิด เพื่อให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วมในทีม

3. Driver Style: นักขับเคลื่อนที่มุ่งมั่น

คนกลุ่มนี้มีความมุ่งมั่น ชัดเจน และต้องการควบคุมสถานการณ์ พวกเขาเน้นผลลัพธ์และชอบทำงานที่ท้าทายแต่มีเป้าหมายชัดเจน การทำงานกับคน Driver ควรมอบหมายงานที่ท้าทาย พร้อมให้อิสระในการตัดสินใจและลงมือทำ เพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่

4. Expressive Style: นักสร้างแรงบันดาลใจที่กระตือรือร้น

คนกลุ่มนี้เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ มีความคิดสร้างสรรค์ และชอบแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย พวกเขามีความกระตือรือร้นในการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ การบริหารคน Expressive ควรเปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงออกและมีส่วนร่วมในงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ไอเดียของพวกเขาได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่

การนำทฤษฎี Merrill-Reid มาใช้ “บริหารทีม” ในที่ทำงาน

การเริ่มต้นใช้ทฤษฎีนี้ ให้สังเกตพฤติกรรม คำพูด และแนวทางการแก้ปัญหาของลูกทีมแต่ละคน เพื่อระบุว่าพวกเขามี Social Style แบบใด เมื่อทราบแล้ว คุณสามารถปรับเปลี่ยนการสื่อสาร มอบหมายงาน และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ตอบสนองความต้องการของลูกทีมแต่ละสไตล์ได้

ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังวางแผนการประชุมเพื่อระดมความคิดสร้างสรรค์ คุณควรดึงคนที่มี Expressive Style เข้ามาเป็นแกนหลักเพื่อสร้างไอเดียที่สดใหม่ แต่หากต้องการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่มีรายละเอียดชัดเจน ควรเลือกคน Analytical และ Driver มาช่วยขับเคลื่อน

ประโยชน์ของการเข้าใจ Social Style ช่วยในการ “บริหารทีม” อย่างไร?

การทำความเข้าใจ Social Style ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังช่วยลดความขัดแย้งในทีม เพราะคุณจะสามารถปรับการสื่อสารและวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกทีมแต่ละคนได้ โดยเฉพาะในกรณีที่คนในทีมมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก การปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ของลูกทีมจะช่วยสร้างความไว้วางใจและกระตุ้นให้พวกเขาทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ

สรุปการ “บริหารทีม” แบบ Merrill-Reid Social Styles

การบริหารทีมตามทฤษฎี Merrill-Reid Social Styles ไม่เพียงช่วยให้คุณเข้าใจลูกทีมได้ลึกซึ้งขึ้น แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทุกคนสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าลูกทีมของคุณจะเป็น Analytical, Amiable, Driver, หรือ Expressive การปรับตัวและปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับสไตล์ของพวกเขาจะช่วยให้ทีมของคุณก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

อ้างอิง:
ClickThrough Marketing – Merrill-Reid Social Styles

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

10 ทักษะ
10 ทักษะสุดล้ำ พัฒนาไว้เพื่อก้าวสู่อนาคตการทำงานในปี 2025
เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานในปี 2025 โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกพัฒนาและนำมาใช้ในทุกสายงาน ทำให้ทักษะที่เคยสำคัญอาจล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว...
เทรนด์ที่ทำงาน
7 เทรนด์ที่ทำงานน่าติดตาม ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตการทำงานปี 2025
ในปีที่ผ่านมา มีหลากหลาย “เทรนด์การทำงาน” และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของพนักงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบทบาทของ AI ในระบบการทำงานขององค์กร...
OKR
ขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการตั้ง OKR
ไม่ว่าจะองค์กรไหนก็ตาม ย่อมต้องมีการตั้งเป้าหมายและติดตามผลงานของพนักงาน ซึ่งแต่ละองค์กรก็มีรูปแบบการตั้งเป้าหมายที่แตกต่างกัน มี Template การใช้ที่ไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่าองค์กรนั้นเหมาะกับการตั้งเป้าหมายแบบไหน...