Sad อย่างบ่อย อย่าปล่อยให้เรื้อรัง ดูแลใจตัวเอง ด้วยคู่มือรักษาความเจ็บป่วยทางใจเบื้องต้น

เมื่อร่างกายเจ็บป่วยก็ต้องดูแลรักษาก่อนอาการจะบานปลาย เมื่อใจเจ็บป่วยปล่อยไว้นานอาจทำให้แผลใจลุกลามได้เหมือนกัน มาทำความรูัจักกับอาการป่วยทางใจ 7 ประเภท และแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากหนังสือ Emotional First Aid ของ Guy Winch นักจิตวิทยาชื่อดัง เอาไว้ใช้ในวันที่ใจของเราไม่สบายรวมถึงคนใกล้ตัวได้ด้วยนะ

1. การถูกปฏิเสธ (Rejection)

แม้การถูกปฏิเสธจะเกิดจากเรื่องที่ไม่สำคัญหรือคนที่เราไม่รู้จัก แน่นอนมันสร้างเจ็บปวดได้รุนแรงทั้งใจ รวมถึงจิตใต้สำนึก และเราลดความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธได้ด้วยการใช้ตรรกะเป็นแนวทางการรักษา คือ 

  • ไม่โทษตัวตัวเอง
  • ทบทวนคุณค่าของตัวเอง
  • ฟื้นฟูความรู้สึกและนึกถึงสัมพันธ์ของสังคมที่เราอยู่ เพื่อตอกย้ำว่าเรายังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
  • ลดความอ่อนไหวของตัวเอง แม้จะถูกปฏิเสธบ่อยๆ 

2. ความเหงา (Loneliness)

ความรู้สึกเหงาขึ้นอยู่กับคุณภาพของความสัมพันธ์มากกว่าปริมาณคนรู้จักที่มี ความเหงาทำให้รู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน ทักษะการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นถดถอยเหมือนกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งาน และส่งผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพ ทำให้อายุไขสั้นลง เพิ่มความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ และแนวทางการรักษา ได้แก่

  • ท้าทายความเข้าใจเชิงลบ
  • ทบทวนพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร และระวังตัวไม่ให้ทำกับคนอื่น
  • มองและทำความเข้าใจกับมุมมองของคนอื่น
  • Empathy ผู้อื่นให้เป็น เพิ่มความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกว่าที่เคย
  • สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมผ่านโอกาสหรือกิจกรรม
  • เลี้ยงสัตว์ 

3. การสูญเสียและเหตุการณ์สะเทือนใจ (Loss and Trauma)

เมื่อเผชิญกับความสูญเสียหรือเหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน อาจทำให้รู้สึกผิดแม้ว่าไม่ได้เกิดจากการกระทำของเรา เมื่อพยายามทำความเข้าใจ ความรู้สึกเจ็บปวดนี้ควรดีขึ้นตามเวลา แต่หากยังไม่ move on หดหู่จนไม่อยากทำอะไร จะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนที่ยังเหลืออยู่ไปด้วย ซึ่งแนวทางการรักษา ได้แก่ 

  • บรรเทาความเจ็บปวดทางอารมณ์ในวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น การระบาย การลืม 
  • สร้างมุมมองของตัวตนที่สูญหายไป เช่น หาจุดเชื่อมกับตัวตนเดิม หรือสร้างขึ้นมาใหม่
  • ค้นหาความหมายของการสูญเสีย

4. ความรู้สึกผิด (Guilt)

เมื่อเราทำให้ผู้อื่นผิดหวัง หรือรู้สึกไม่ดีที่ทำไม่ได้ตามความคาดหวังหรือมาตรฐาน ที่กระทบกับความสัมพันธ์ควรถูกแก้ไขเร็วที่สุด และหากขอโทษแล้วได้รับการให้อภัยหรือแก้ไขความผิดพลาดได้แล้ว ความรู้สึกผิดก็หายไป แต่หากความเสียหายที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะให้อภัย ให้ลองใช้การรักษา ดังนี้ 

  • ขอโทษอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วย 3 อย่าง คือ แสดงความเสียใจ ขอโทษอย่างชัดเจน และคำขอให้อภัยจากอีกฝ่าย ยอมรับในสิ่งที่เราทำไม่ได้ และควรนึกถึงอารมณ์หรือความรู้สึกของอีกฝ่าย เช่น ชดเชยหรือเสนอวิธีการแก้ไข 
  • การให้อภัยตัวเอง
  • การกลับไปใช้ชีวิต

5. การครุ่นคิด (Rumination)

ทำให้เครียด นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและพฤติกรรมผิดปกติ และความช่วยเหลือจากคนรอบข้างเป็นเรื่องสำคัญมาก แนวทางการรักษา

  • เปลี่ยนมุมมอง
  • เบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดทางอารมณ์
  • ตีกรอบความโกรธใหม่
  • ทำตัวสบาย ๆ กับเพื่อน

6. ความล้มเหลว (Failure)

บางคนตอบสนองกับความล้มเหลวได้ดี แม้จะเจ็บปวดและผิดหวังแต่ถือเป็นโอกาสเรียนรู้เพื่อเติบโต แต่กับบางคน ความล้มเหลวทำให้เข้าใจทักษะความสามารถตัวเองผิดไป ขาดความเชื่อมั่น รู้สึกพึ่งพาตัวเองไม่ได้ จนไม่กล้าพยายามครั้งต่อไป

แนวทางการรักษา:

  • รับการสนับสนุนและยอมรับความจริง
  • พุ่งเป้าไปยังปัจจัยที่ควบคุมได้
  • ยอมรับความผิดพลาดและจัดการความกลัว
  • จัดการความกดดันเรื่องผลการปฏิบัติงาน  

7. ความเคารพตัวเองต่ำ (Low self-esteem)

คนที่เคารพตัวเองต่ำจะอ่อนไหวต่อการถูกปฏิเสธและความล้มเหลว มีความสามารถในการควบคุมตัวเองต่ำ มองโลกในแง่ร้าย มักปฏิเสธคำชมเชยจากผู้อื่นเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่คู่ควร และยังทำตัวแย่เพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองคิด ทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งแย่ลง ในทางกลับกัน คนที่มีความเคารพตัวเองสูงเกินไปก็มักโทษคนอื่นและโกรธง่ายเมื่อถูกตำหนิ

แนวทางการรักษา:

  • เห็นอกเห็นใจตัวเอง
  • ค้นหาจุดแข็งของตัวเอง
  • เพิ่มความอดทนต่อคำชม
  • พัฒนาศักยภาพตัวเองให้รู้สึกมีพลังงานที่ดีอยู่เสมอ
  • หมั่นสร้างความแข็งแกร่งในการควบคุมตัวเอง

อาการทั้ง 7 ประเภทนี้เป็นเคสตัวอย่างที่เข้าใจง่ายอ้างอิงจากงานวิจัยและการศึกษา ซึ่งแต่ละอาการมีการรักษาที่หลากหลาย เพื่อให้แต่ละคนได้ดูแลจิตใจที่เหมาะสมในเบื้องต้น แต่อย่างไรก็ตามหากเราปล่อยนานเกินไปกว่าจะรักษาด้วยตัวเอง เราควรไปปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาบำบัดให้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป 

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

Bystander Effect
Bystander Effect : สาเหตุที่พนักงานมีความลับแล้วไม่บอกบริษัท
ที่มาของ “ไทยมุง” มัวแต่ยืนดู…แต่ไม่มีใครช่วยสาเหตุที่บริษัทเปลี่ยนแปลงยาก แม้ทุกคนจะรู้หน้าที่พนักงานทุกคนรู้ปัญหาดี แต่ทำไมไม่มีใครพูดเปิดประเด็น?เหตุการณ์น่าเป็นห่วงเหล่านี้มีสาเหตุทางจิตวิทยาเหมือนกันที่เรียกว่า...
Scout Mindset
Scout Mindset : เข้าใจปัญหาด้วยการเฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ
เคยสงสัยไหม? ทำไมผู้บริหารบางคนถึงมองปัญหาได้ทะลุปรุโปร่ง “อ่านเกมขาด” ทั้งๆ ที่ดูก็ไม่ได้มีความสามารถเลิศเลอเหนือไปกว่าใคร? แม้ผู้บริหารท่านนั้นไม่ได้มีทักษะพิเศษ...
การประเมินผลการทำงาน
เตรียมตัวให้พร้อม : เคล็ดลับรับมือการประเมินผลการทำงานช่วงสิ้นปีอย่างมืออาชีพ
การประเมินผลการทำงาน คืออะไร?การประเมินผลการทำงาน คือกระบวนการประเมินผลงานของพนักงานอย่างเป็นทางการ โดยจะมีเกณฑ์ตรงกลางที่บริษัทตั้งไว้ และพนักงานจะถูกประเมินโดยหัวหน้างานหรือคนที่เกี่ยวข้องกับตัวเองในการทำงาน...