เรารู้กันดีว่ามนุษย์เป็ดเป็นคนที่ทำงานได้รอบด้านหลากหลายมากๆ เพียงแต่ว่าหลายเรื่องที่ทำได้ พวกเค้ามักทำได้แค่พอเป็น ทำได้ในระดับพื้นฐาน ทำได้แค่ตามมาตรฐานทั่วๆ ไป
เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่ว่าในปัจจุบัน มาตรฐานที่หลายองค์กรคาดหวังในตัวมนุษย์เป็ดเริ่มสูงขึ้นมาก เป็นเอฟเฟกต์จากยุคโควิดที่บริษัทปลดพนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย แถมตลาดหางานมีการแข่งขันสูง ต้องการงานลักษณะ Multi-function ในคนๆ เดียว และเพราะใครๆ ต่างก็พยายามเป็นมนุษย์เป็ดกันหมด เกิดสิ่งที่เรียกว่า Skill Inflation คือใครๆ ก็มีสกิลที่ทำได้เหมือนเราหมด จนสกิลเจ๋งๆ ที่เราเคยมี…กลายเป็นของธรรมดาที่คนอื่นก็ทำได้กันหมด
จึงเริ่มมีมนุษย์เป็ดธรรมดาทั่วไปที่ต้องการกลายร่างเป็น “เป็ดพรีเมียม” ที่โดดเด่นแตกต่างจากเป็ดทั่วไป เพื่อให้องค์กรยังเห็น value และเรียกอัพค่าตัวหรือเลือกจ้างได้ต่อไป
- เป็ดทั่วไป…มีสกิลรอบด้านแต่ละเรื่องราว 50-60%
- เป็ดพรีเมียม…ต้องมีสกิลรอบด้านแต่ละเรื่องเพิ่มขึ้นเป็น 70-80%
คำถามสุดท้าทายคือ…แล้วเราจะอัปเกรดตัวเองให้เป็นเป็ดพรีเมียมได้อย่างไร?
เป็ดพรีเมียมต้อง Set priorities
อันดับแรก เราต้องจัดเรียงลำดับความสำคัญตามความต้องการของตลาดหรือองค์กร ในการรับรู้ (Perception) ของคนอื่น ความพรีเมียมขึ้นอยู่กับว่า เรามีสกิลบางอย่างที่ตลาดเวลานั้นต้องการเป็นพิเศษด้วยรึเปล่า?
เช่นตอนนี้ เป็ดคนไหนที่มีสกิลความเป็น Prompt Engineer ในการป้อนคีย์เวิร์ดลงตาม ChatGPT-4 และ Midjourney ก็จะเป็นที่ต้องการและมีภาพลักษณ์พรีเมียมเป็นพิเศษ
บูรณาการสกิลรอบด้านเข้าด้วยกัน
ดึงจุดแข็งทุนเดิมของความเป็นเป็ดที่รู้รอบด้านและเชื่อมโยงสกิลหรือองค์ความรู้เข้าด้วยกัน เป็ดพรีเมียมไม่จำเป็นต้องโฟกัสเจาะลึกเรื่องใดเรื่องหนึ่งขนาดนั้น แต่ให้มองที่ภาพรวมเป็นหลัก ให้ประกอบร่างจิ๊กซอว์เล็กๆ เข้าด้วยกันจนเป็นภาพที่สวยงาม
ถ้าปกติคุณใช้งาน ChatGPT-4 และ Midjourney พอเป็นในระดับพื้นฐาน แต่ใช้งานแยกขาดจากกัน ทีนี้ ก็ให้คุณลองนำทั้งสองมาบูรณาการคอมโบกัน เช่น ใช้ ChatGPT-4 ในการช่วยสร้างคำอธิบายที่ครอบคลุมรอบด้าน ก่อนนำผลลัพธ์คำอธิบายนั้นมาใช้เป็น Prompt ป้อนเข้าสู่ Midjourney เพื่อสร้างผลงานรูปภาพที่โดดเด่นแตกต่าง
เมื่อนำสิ่งธรรมดาอันหลากหลายมาคอมโบเข้าด้วยกัน ก็ทำให้มันพิเศษพรีเมียมขึ้นได้บ้างแล้ว
เลือกดันบางสกิลให้โตระเบิด
เสมือนการอัปเกรดจากชั้นที่นั่ง Economy สู่ Premium Economy มันจะยังมีพื้นฐานองค์ประกอบบางอย่างที่เหมือนเดิม ขณะที่มีบางเรื่องอย่างเช่น ฟังก์ชั่นการใช้งาน หรืองานบริการที่ได้รับ…ที่พรีเมียมขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
การเลือกดันบางสกิลให้เก่งขึ้นเป็น 80% ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แรงต้านน้อย และลดโอกาสยอมแพ้กลางคันเมื่อเทียบกับการพยายามเก่งขึ้นทุกเรื่องในเวลาเดียวกัน!
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรดันสกิลไหน? คำตอบอยู่ที่การบาลานซ์ระหว่าง
- สิ่งที่คุณชอบ รู้สึกถูกจริต (จะเรียกว่า Passion ก็ได้)
- สิ่งที่คุณเก่ง ทำได้ดี มีพรสวรรค์
- สิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการ
เป็ดพรีเมียมต้องมีแบรนด์?
เมื่อถึงจุดนึง เป็ดพรีเมียมจำเป็นต้องสร้าง “แบรนด์ตัวตน” (Personal branding) ของตัวเอง แบรนด์คือการสร้างการรับรู้ในมุมของลูกค้า (Customer perception) ว่าเค้ามองแบรนด์หรือมองคุณเป็นอย่างไร?
ไม่ต่างจากสินค้า 2 อย่างที่คล้ายกัน คุณภาพเท่ากัน สินค้าในอุตสาหกรรมหนึ่งที่หาความแตกต่างได้ยาก คุณภาพสินค้าของแต่ละแบรนด์ใกล้เคียงกันหมด แต่แบรนด์นึงตั้งราคาพรีเมียม แต่สุดท้ายกลับขายได้ดีกว่า ส่วนนึงเป็นเพราะแบรนด์แข็งแกร่งกว่าจนลูกค้ายอมจ่ายรึเปล่า?
การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียง ยังสร้างข้อได้เปรียบเหนือเป็ดธรรมดาคนอื่นๆ ในท้องตลาด โดยคุณอาจเริ่มง่ายๆ จากการเป็น TikToker ในเรื่องที่ถนัด หรือเอาตัวเองไปสมาคมกับ Community เดื่อสร้างคอนเนคชั่นและอำนวยความสะดวกให้คุณมีช่องทางเติบโตมากขึ้น
ทัศนคติต้องพรีเมียมด้วย
พลังใจสำคัญกว่าที่คิด การอัปเกรดเป็นเป็ดพรีเมียมเป็นการเดินทางไกล เป็นเหมือนการวิ่งมาราธอนที่ต้องใช้เวลา ค่อยๆ ไต่ระดับจากเก่งทั่วไป 50% เป็นเก่งพรีเมียม 80%
ในเส้นทางการพัฒนาตัวเองนี้ ทัศนคติของเราต้องเป็นพลังบวกให้ตัวเอง อย่ามองว่าทำไม่ได้ เหนื่อยได้ ท้อได้ แต่ขอให้พัก อย่าล้มเลิกกลางคัน เพราะเป็ดพรีเมียมเหมือนน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
ขอให้ระลึกว่า แม้คุณจะไม่ได้เก่งเพอเฟกต์เหมือน Specialist ที่เก่งสุดโต่งแบบเฉพาะทางไปเลย แต่ขอให้คิดว่าตัวเราเองก็เก่งพรีเมียมตั้งหลายด้าน ควรภูมิใจกับตัวเอง และก้าวไปต่ออย่างมีความหวังและความสุข
เราจะเห็นว่าการอัปเกรดจากเป็ดธรรมดาเป็นเป็ดพรีเมียม ยังเป็นสิ่งที่พอเอื้อมถึง ไม่ไกลเกินความสามารถของเราหรอก ขอแค่พัฒนาแบบมีกลยุทธ์ชั้นเชิง ทุ่มเทให้เวลากับมัน และมีทัศนคติพลังใจเป็นบวก ปลายทางสู่การเป็นเป็ดพรีเมียมก็คงอยู่ไม่ไกล!