ในยุคนี้ สวัสดิการพนักงานเจ๋งๆ หมายถึงสวัสดิการที่มีความหัวก้าวหน้า เข้ากับการทำงานยุคสมัยใหม่ ไม่ยึดตามกรอบเดิมๆ และไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาลเสมอไป หมายความว่า ไม่ได้จำกัดแค่องค์กรยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่จะมีสวัสดิการเจ๋งๆ ได้ แต่ SMEs/Startups ก็สามารถทำได้เช่นกัน!
ตัวอย่างสวัสดิการเจ๋งๆ จากบริษัทไทยและต่างประเทศ
- อนุญาตให้พนักงานนำสัตว์เลี้ยงมาในออฟฟิศได้ ถูกใจทาสหมาทาสแมว ลดความตึงเครียด เผยให้เห็นมุมมองที่อ่อนโยนในตัวพนักงาน
- อาหารและเครื่องดื่มฟรี ปรุงโดยเชฟมืออาชีพ แถมเติมได้ไม่อั้น
- โซนพักผ่อนต่างๆ เช่น ห้องนวดแผนไทย โต๊ะพูล และที่นั่ง Google Nap Pods ให้พนักงานที่เหนื่อยล้ามานอนได้เต็มที่
- มอบเงินสูงถึง $4,000 ต่อคน แก่พนักงานที่พึ่งมีลูกน้อย เป็นทั้งเบี้ยเลี้ยงและขวัญกำลังใจในการเส้นทางใหม่ของชีวิตพนักงาน
Netflix
- มีนโยบายสร้างชื่ออย่าง Unlimited Vacation Policy ไม่จำกัดวันลาของพนักงาน อยากลาหยุดเมื่อไรก็ได้ตามใจต้องการ ขอแ่ค่ส่งมอบงานได้ตามปกติถือว่าผ่าน
Disney
- ฟรีค่าตั๋วเข้าดินแดนแห่งเทพนิยายทุกสาขาทั่วโลกแก่พนักงานและสมาชิกครอบครัว พร้อมส่วนลดสุดพิเศษเมื่อเข้าพักโรงแรมในเครือและผลิตภัณฑ์ของดิสนีย์ทั่วโลก
Airbnb
- ให้เงินพนักงาน $2,000/ปี เพื่อไปเข้าพักใน Airbnb ที่ไหนก็ได้ นอกจากได้เที่ยวพักผ่อนแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ขององค์กร และภาคภูมิใจในผลลัพธ์ที่ได้ทำไปด้วย
SCG
- ให้ความสำคัญกับการศึกษามากๆ มีทุนเรียนต่อเมืองนอกทั้งป.โท จนไปถึงป.เอก พร้อมเงินค่าครองชีพระหว่างเรียน
- ค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุมไปจนถึงสมาชิกครอบครัวของพนักงานเลยทีเดียว
SC Asset
- รับไปเลย 10,000 บาท สวัสดิการสมรสเท่าเทียม ให้โชคลาภแก่การเริ่มต้นชีวิตคู่ของพนักงาน
- Hybrid Working ที่แท้ทรู โดยกำหนดไปเลยว่าวันที่จราจรแสนวุ่นวายอย่าง จันทร์ & ศุกร์ ให้ทำงานที่บ้าน ส่วนอังคาร-พฤหัส ค่อยเข้ามาเจอกัน
- ที่ปรึกษาสุขภาพจิต ตอบโจทย์สังคมยุคใหม่มากเว่อร์ เพราะถ้าจิตใจลึกๆ ยังว้าวุ่นกับสารพัดปัญหา ก็อย่าหวังว่าจะคิดไอเดียเจ๋งๆ ออก
Dean & Deluca Thailand
- กิจกรรมดีเบตหลังเลิกงาน เพิ่มทักษะการฟังและวิเคราะห์ พร้อมเรียนรู้มุมมองหลากด้านของพนักงานแต่ละคน
- Wedding Allowance สำหรับพนักงานข้าวใหม่ปลามัน เป็นเงินขวัญถุงเสมือนโชคลาภสู่การเริ่มต้นชีวิตใหม่
LINE Thailand
- LINE Connect Day ปาร์ตี้ทุกสิ้นเดือน กระชับมิตรระหว่างทีม
- Welcome Pack ของพรีเมียมมอบให้กับพนักงานใหม่ทุกคน
- Giftcode ซื้อสติ๊กเกอร์หรือไอเท็มในเกม ที่แจกให้พนักงานตลอดปี
ศรีจันทร์
- สิทธิ์ซื้อหนังสือเดือนละ 1 เล่ม อัพสกิลเรียนรู้ไม่สิ้นสุด
- รับสินค้าในเครือบริษัทฟรีทุกเดือน ส่งเสริมให้พนักงานรู้จักสินค้าไปในตัว
- ค่าฟิตเนสฟรี ร่างกายต้องฟิตก่อน ถึงจะครีเอทีฟคิดงานเจ๋งๆ ได้
- ชั่วโมงทำงานแบบยืดหยุ่นสุดๆ เน้นผลลัพธ์
- และที่ฮือฮาไวรัลคือ วันลาคลอด 180 วันและผ่าตัดแปลงเพศ
อย่างไรก็ตาม นโยบายสวัสดิการตัวหนึ่งไม่ใช่ Universal เราไม่สามารถใช้สวัสดิการเดียวและเลือกเป็นฮีโร่หัวหอกในการดึงดูดหรือรักษาพนักงานทุกคนได้ เพราะพนักงานแต่ละคนมีความต้องการต่างกัน
แต่ทีนี้ ถ้าเราจะ Customize สวัสดิการให้ตอบโจทย์พนักงานรายบุคคลไปเลย ก็แทบทำไม่ได้จริงในทางปฏิบัติจริง
ในอีกมุมหนึ่ง แทนที่จะคิดตั้งต้นที่ตัวสวัสดิการ จึงมีการเปลี่ยนโฟกัสและแบ่งประเภทออกเป็น “เจเนอเรชั่น” (Generational workforce) โดยจะมองแบบภาพรวมว่า พนักงานส่วนใหญ่ในแต่ละเจนต้องการอะไรกันบ้าง
แล้วสวัสดิการที่คนแต่ละ Gen ต้องการมีอะไรบ้าง?
เราสามารถแบ่งคร่าวๆ เป็น 4 เจเนอเรชั่นได้ตามนี้ โดยสแกนความต้องการของแต่ละ Gen ก่อนออกแบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์
Baby Boomer (เกิดระหว่างปี 1946-1964)
ถึงปัจจุบัน Baby Boomer ส่วนใหญ่มักอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ผ่านประสบการณ์ทำงานมามาก เห็นวิกฤติมาเยอะ เจอการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีเยอะที่สุด
Baby Boomer จะให้ความสำคัญที่ความมั่นคงในการงานเป็นหลัก วัดความสำเร็จที่สถานภาพ รถประจำตำแหน่ง ฐานเงินเดือน
ตัวอย่างสวัสดิการเพื่อชาว Baby Boomer
- หุ้นบริษัท – Baby Boomer บางคนทำงานกับองค์กรมาตั้งแต่ยุคตั้งไข่ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่เห็นองค์กรตั้งแต่ศูนย์จนเติบโตยิ่งใหญ่ กาลเวลาล่วงเลยมาถึงจุดหนึ่ง นอกเหนือไปจากฐานเงินเดือน ย่อมอยากได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับที่ได้มีส่วนร่วมด้วยกันมา หนึ่งในนั้นคือการมอบหุ้นบริษัท นอกจากได้ปันผลแล้ว ยิ่งองค์กรเติบโตก้าวกระโดด มูลค่ายิ่งทวีคูณ
Gen X (เกิดระหว่างปี 1965-1980)
ยังคงโฟกัสที่ความมั่งคั่ง ยึดความสำเร็จในหน้าที่การงาน โฟกัสที่ตัวเงินเป็นหลัก แต่ขณะเดียวกัน ด้วยอายุที่มากขึ้น ร่างกายส่งสัญญาณเสื่อมถอย จึงเริ่มมองหา Work-Life Balance มากเป็นพิเศษ
ตัวอย่างสวัสดิการเพื่อคน Gen X
- งบอัพสกิล – Gen X หลายคนอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างการตามทันโลกและการล้าหลัง การรีบอัพสกิลโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี อาจไม่ใช่ option แต่เป็น neccessity ความจำเป็นต้องทำเลยทีเดียว
Gen Y (เกิดระหว่างปี 1981-1996)
Gen Y เป็นเหมือนแซนด์วิชระหว่างคนที่มาก่อนและมาทีหลัง เป็นตัวกลางในการเชื่อมคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ ได้สัมผัสการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีด้วยตัวเองตั้งแต่ยุคอนาล็อกและดิจิตอล เป็นวัยที่มีความทะเยอทะยานสูง แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องชีวิตที่สมดุลเช่นกัน
ตัวอย่างสวัสดิการเพื่อคน Gen Y
- วันหยุดวันลา – Gen Y ต้องการสมดุลในชีวิต เพราะเป็นเจนที่แบกภาระความรับผิดชอบในการประสานความต้องการระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นวัยที่เริ่มสร้างครอบครัว จึงมีภาระทางการเงินสูง การได้นอนเฉยๆ ในวันหยุดเป็นความสุขล้นสำหรับคนเจนนี้ก็ว่าได้ การมีวันหยุดวันลามากเป็นพิเศษจึงช่วยได้ เรื่องนี้ยังรวมถึงวันลาคลอดได้โดยยังได้รับเงินเดือนปกติด้วยเช่นกัน
Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012)
นี่คือกลุ่มของเด็กจบใหม่-เด็กรุ่นใหม่ ที่ไฟแรงที่สุดและมีจินตนาการมากที่สุดก็ว่าได้ ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณ์เดิมๆ แต่ชอบมีอิสระในการได้คิดไอเดียเป็นของตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน ก็เติบโตมากับโลกที่เต็มไปด้วยวิกฤติและความไม่แน่นอน
ตัวอย่างสวัสดิการเพื่อคน Gen Z
- ชั่วโมงการทำงานแบบยืดหยุ่น – ไม่ได้หมายถึง Work From Home หรือ Work From Anywhere อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเวลาเข้างานด้วยเช่นกัน Gen Z ไม่ชอบรีบเร่งในช่วงเช้าตรู่ของวัน บริษัทอาจยืดหยุ่นจากปกติที่เข้างาน 9 โมงเช้า ก็อาจเขยิบเป็น 10 โมง และเลื่อนเวลาเลิกงานออกไป 1 ชั่วโมง
- อาหาร & กิจกรรม – อาหารกลางวันฟรี และกิจกรรมสังสรรค์สุดสัปดาห์หรือทุกสิ้นเดือน ข้อนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายประจำวันลงได้มากในวันที่เงินเดือนยังไม่สูง และ Gen Z ยังอยู่ในวัยที่เอนจอยกับการปาร์ตี้ การที่ทีมมีสวัสดิการพาไปเลี้ยงใหญ่ทุกสิ้นเดือน ก็เป็นกลยุทธ์นึงที่ทำให้พวกเค้าคลายเครียด รู้จักเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น และแฮปปี้กับชีวิตการทำงาน
ไม่แปลกเลยที่ยุคนี้หลายบริษัทต่างพยายามออกแบบสวัสดิการที่โดดเด่น และวิเคราะห์ลงลึกถึงความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละเจเนอเรชั่น เพราะสวัสดิการเจ๋งๆ ดึงคนเก่งให้มาทำงานกับเราได้ และอาจรักษาพวกเค้าให้อยู่ไปได้นานกว่าที่เราคิด
อ้างอิง